วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557
แก้ว
ชื่อวิทยาศาสตร์: Murraya paniculata Jack.
วงศ์: RUTACEAE
ชื่ออื่นๆ: แก้วขาว (ภาคกลาง) แก้วพริก ตะไหลแก้ว (ภาคเหนือ) จ๊าพริก (ลำปาง) แก้วขี้ไก่ (ยะลา)
ลักษณะของพืช: แก้วเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลางลำต้นมีความสูงประมาณ5-10 เมตรเปลือกลำต้นสีขาวปนเทาลำต้นแตกเป็นสะเก็ดเป็นร่องตามยาวการแตกกิ่งก้านของทรงพุ่มไม่ค่อยเป็นระเบียบใบออกเป็นช่อเป็นแผงออกใบเรียงสลับกันช่อหนึ่งประกอบด้วยใบย่อยประมาณ 4-8 ใบใบเป็นมันสีเขียวเข้มขยี้ดูจะมีกลิ่นฉุนแรงขอบใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อยขนาดของใบกว้างประมาณ 2 - 4 เซนติเมตร ยาวประมาณ3-6 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อใหญ่ช่อสั้นออกตามปลายกิ่งหรือยอดช่อหนึ่งมีดอกประมาณ 5 - 10 ดอก แต่ละดอกมีกลีบดอก 5 กลีบ ดอกสีขาว กลิ่นหอม ดอกบานเต็มที่กว้างประมาณ 2 - 3 เซนติเมตร ผลรูปไข่ รีปลายทู่ มีสีส้ม ภายในมีเมล็ด 1 - 2 เมล็ด
ส่วนที่ใช้เป็นยา: ใบสด
สรรพคุณและวิธีใช้ แก้อาการปวดฟัน ใช้ใบสดตำพอแหลกแช่เหล้าโรง ในอัตราส่วน 15 ใบย่อยหรือ 1 กรัมต่อเหล้าโรง 1 ช้อนชา หรือ 5 มิลลิลิตร เอาน้ำจิ้มบริเวณที่ปวด
วิธีการเพาะ/ขยายพันธุ์: ขยายพันธ์โดยการเพาะเมล็ดและการตอน สามารถแบ่งเป็น 2 วิธี
การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน คนไทยโบราณนิยมปลูกไว้เพื่อเป็นแนวรั้วบ้าน ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1 : 2 ผสมดินปลูก การปลูกแบบนี้สามารถปลูกเป็นกลุ่ม หรือเป็นแถวก็ได้และสามารถตัดแต่งบังคับทรงพุ่มได้ตามความต้องการของผู้ปลูก
การปลูกในกระถาง เพื่อประดับภายนอกอาคาร ควรใช้กระถางทรงสูงขนาด 12 - 16 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วนอัตรา 1 : 1 ผสมดินปลูก และควรเปลี่ยนกระถาง 1 - 2 ปี/ ครั้ง หรือตามความเหมาะสมของการเจริญเติบโตของทรงพุ่ม เพราะการขยายตัวของรากแน่นเกินไปและเพื่อเปลี่ยนดินปลูกใหม่ทดแทนดินปลูกเดิมที่เสื่อมสภาพไป
ต้องการน้ำปริมาณปานกลาง ควรให้น้ำ 3 - 5 วัน / ครั้ง ชอบดินร่วนซุย หรือดินร่วนทราย ต้องการแสงแดดจัด ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักอัตรา 1 - 2 กิโลกรัม/ต้น ใส่ปีละ 4 - 6 ครั้ง หรือใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ สูตร 15-15-15อัตรา 200- 300 กรัม/ต้น ใส่ปีละ 4 - 6 ครั้ง ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรคและแมลง เพราะเป็นไม้ที่มึความทนทานต่อสภาพธรรมชาติพอสมควร
การปลูกใช้กิ่งตอนที่มีราก พอควร เอาไปปลูกในกระถางหรือกระบะปลูกเพื่อให้ต้นพืชที่เกิดจากกิ่งตอนมีระบบรากแข็งแรง พอที่จะหาอาหารเลี้ยงลำต้นได้ แล้วนำไปปลูกในหลุมที่มีปุ๋ยรองพื้นบ้าง อาจจะเป็นปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก แล้วรดน้ำทุกเช้าในระยะปลูกใหม่ ๆ
การบำรุงรักษา ควรมีการตัดแต่งกิ่งก้านเสียบ้าง ต้นแก้วเป็นไม้ประดับที่มีทรงพุ่มสวยงาม ทนทานต่อสภาพแวดล้อมไม่ต้องบำรุงรักษามาก เพียงแต่รดน้ำเพียงครั้งคราว อย่าให้พืชขาดน้ำ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยม
-
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cananga Odroata ชื่อวงศ์ ANNONACEAE ชื่อสามัญ Cananga ชื่ออื่นๆ กระดังงาไทย, กระดังงาใหญ่, กระดังงาใบใหญ่, สะ...
-
ลักษณะของ ต้นคูน คูนเป็นไม้ยืนต้นมีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ใบรูปไข่ปลายแหลม ดอกเป็นช่อระย้าสีเหลืองและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ฝักกลมยาวเวลาฝักอ่อ...
-
ชื่อวิทยาศาสตร์: Sansevieria spp. ชื่อวงศ์: Dracaenaceae ชื่อสามัญ: Snake plant หรือ Mother-in-laws Tongue ชื่อพื้นเมือง: ว่าน...
-
ชื่อไทย ไผ่ ชื่อวิทยาศาสตร์ Bambusa sp. ชื่อสามัญ ไผ่ Bamboo ตระกูล GRAMINEAE มงคลเเละเคล็ดปฏิบัติ: มงคลจะสังเกตได้ว่า มีบ้านเร...
-
ชื่อสามัญ : Mango, Mango tree ชื่อวิทยาศาสตร์ : Manaifera indica Linn. ชื่ออื่นๆ : มะม่วงบ้าน มะม่วงสวน หมักโม่ง หมากม่วง ลูกม่ว...
-
ชื่อสามัญ: กล้วย ชื่อพฤษศาสตร์: Musa L. ( กล้วยประเภทรับประทาน ) วงศ์: MUSACEAE ชื่อพื้นเมือง: อังกฤษเรียก บานาน่า อินโดนีเซ...
-
ต้นลีลาวดี หรือ ลั่นทม เป็นไม้ดอกชนิดยืนต้นที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลาง เม็กซิโก แคริบเบียนและอเมริกาใต้ ในบ้านเรามีความเชื่อมาแต่โบ...
-
ต้นวาสนา ราชินีเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นมีความสูงประมาณ 4- 10 เมตร ลำต้นกลม ต้นตรง ไม่มีกิ่งก้าน ลำต้นเป็นข้อถี่ ผิวเปลือกลำต้น...
-
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aloe vera (L.) Burm.f. ชื่อพ้อง : Aloe barbadensis Mill ชื่อสามัญ : Star cactus, Aloe, Aloin, Jafferabad, Barb...
-
ขนุน (อังกฤษ: jackfruit, ชื่อวิทยาศาสตร์: Artocarpus heterophyllus หรือ A. heterophylla) ภาคอีสานเรียกบักมี่ ภาคเหนือเรียกบ่าหนุ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น